ลักษณะของวรรณคดี
"วรรณคดี" ปรากฏใช้เป็นทางการเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งวรรณคดีสโมสร เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ตามความในพระราชกฤษฎีกาได้แบ่งวรรณคดีออกเป็น ๕ ประเภท คือ
๑. กวีนิพนธ์ คือ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน
๒. ละครไทย คือ เรื่องที่แต่งเป็นกลอนแปด
๓. นิทาน คือ เรื่องราวอันผูกขึ้นและแต่งเป็นร้อยแก้ว
๔. ละครพูด คือ เรื่องราวที่เขียนขึ้นสำหรับใช้แสดงบนเวที
๕. อธิบาย คือ การแสดงด้วยศิลปวิทยาหรือกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง (แต่ไม่ใช่แบบเรียนหรือตำราเรียน หรือความเรียงเรื่องโบราณคดี มีพงศาวดาร เป็นต้น) ให้นับว่าเป็นหนังสือที่ควรพิจารณาในวรรณคดีสโมสรตามพระราชกฤษฎีกานี้
ลักษณะของวรรณคดี มีกำหนดในพระราชกฤษฏีกา ดังนี้
๑. เป็นหนังสือดี กล่าวคือ เป็นเรื่องราวที่เหมาะสมซึ่งสาธารณชนจะได้อ่านโดย ไม่เสียประโยชน์คือไม่เป็นเรื่องทุภาษิตหรือเป็นเรื่องที่ชักจูงความคิดผู้อ่านไปในทางอันไม่เป็น แก่นสาร
๒. เป็นหนังสือแต่งดี ใช้วิธีเรียงเรียงอย่างใดอย่างใดก็ตาม แต่ต้องเป็นภาษาไทยอันดี ถูกต้องตามเยี่ยงอย่างที่ใช้ในโบราณกาล หรือในปัจจุบันกาล ก็ได้ ไม่ใช่ภาษาซึ่งเลียนภาษาต่างประเทศ คณะกรรมการการวรรณคดีสโมสรได้พิจารณาวรรณคดีว่าเรื่องใดเป็นยอดแห่ง วรรณคดี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๗ ดังนี้
๑. กวีนิพนธ์ ได้แก่
๑.๑ ลิลิตพระลอ เป็นยอดของลิลิต
๑.๑ ลิลิตพระลอ เป็นยอดของลิลิต
๑.๒ สมุทรโฆษคำฉันท์ เป็นยอดของคำฉันท์
๑.๓ เทศน์มหาชาติ เป็นยอดของกาพย์กลอน
๑.๔ เสภาขุนช้างขุนแผน เป็นยอดของกลอนสุภาพ
๒. บทละคร บทละครเรื่องอิเหนาพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ เป็นยอดของบทละครรำ
๓. บทละครพูด บทละครพูดเรื่องหัวใจนักรบพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖ เป็น ยอดของบทละครพูด
๔. นิทาน เรื่องสามก๊กของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นยอดของความเรียงเรื่อง นิทาน อธิบาย เรื่องพระราชพิธี ๑๒เดือนพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่
๕เป็นยอดของความเรียงอธิบาย
๕เป็นยอดของความเรียงอธิบาย
ประเภทของวรรณคดี
วรรณคดีมีการจำแนกได้หลายลักษณะ ดังนี้
วรรณคดีมีการจำแนกได้หลายลักษณะ ดังนี้
๑. จำแนกตามลักษณะของคำประพันธ์ ได้ ๒ประเภท คือ
๑.๑ ร้อยแก้ว ได้แก่ วรรณคดีที่แต่งเป็นร้อยแก้ว
๑.๒ ร้อยกรอง ได้แก่ วรรณคดีที่แต่งเป็นร้อยกรอง
๒. จำแนกตามลักษณะการบันทึก ได้ ๒ ประเภท คือ
๒.๑ วรรณคดีที่ไม่ได้จารึกเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นวรรณคดีที่เล่าต่อ ๆ กันมา อย่างที่เรียกว่า "วรรณคดีมุขปาฐะ"
๒.๒ วรรณคดีที่จารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่ วรรณคดีที่มีการจารึกเป็นหลักฐานแน่นอน
๓. จำแนกตามวัตถุประสงค์ ได้ ๒ประเภท คือ
๓.๑ วรรณคดีแท้ หรือวรรณคดีบริสุทธิ์ เป็นวรรณคดี ที่มุ่งให้ผู้อ่าน เกิดความเพลิดเพลินเป็นใหญ่ เป็นวรรณคดีที่เกิดจากอารมณ์สะเทือนใจของผู้แต่ง
๓.๒ วรรณคดีประยุกต์ เป็นวรรณคดีที่ผู้แต่ง แต่งขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายนอกเหนือ ไปจากความเพลิดเพลิน แต่งขึ้นเพื่อมุ่งประโยชน์อย่างอื่น เช่น บันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ
๔. จำแนกตามลักษณะเนื้อเรื่อง ได้ ๕ ประเภท คือ
๔.๑ วรรณคดีการละครหรือนาฏการ
๔.๒ วรร ณคดีเกี่ยวกับศาสนาและคำสอน
๔.๓ วรรณคดีเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี หรือพิธีการ
๔.๔ วรรณคดีเฉลิมพระเกียรติ หรือวรรณคดีทางประวัติศาสตร์
๔.๕ วรรณคดีเกี่ยวกับอารมณ์ ได้แก่ วรรณคดีนิราศเรื่องต่าง ๆ
การแบ่งยุควรรณคดี
การแบ่งยุควรรณคดี
การแบ่งยุควรรณคดีนิยมแบ่ง ดังนี้
๑. วรรณคดีสมัยสุโขทัย ประมาณ พ.ศ. ๑๘๐๐-๑๙๒๐ (๒๐ ปี) โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างกรุงสุโขทัยใยสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
๒. วรรณคดีสมัยอยุธยา ในสมัยนี้แบ่งได้ ๓ ระยะ คือ
๒.๑ วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนต้น เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. ๑๘๙๓-๒๐๗๒ (๑๗๙ ปี)
๒.๒ วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนกลาง เริ่มตั้งแต่ เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๕๓-๒๒๓๑ (๗๘ ปี) โดยเริ่มตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม จนถึงสมเด็จพระนาราย์มหาราช (หลังจากนั้นวรรณคดีได้ว่างเว้นไป ๔๕ ปี)
๒.๓ วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนปลาย เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. ๒๒๗๕-๒๓๑๐ (๓๕ ปี) โดยเริ่มตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จนถึงเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ ๒
๓. วรรณคดีสมัยกรุงธนบุรี เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๐-๒๓๒๕ (๑๕ ปี)
๔. วรรณคดีสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ แบ่งออกตามพัฒนาการของวรรณกรรมได้ ๒ ระยะ คือ
๔.๑ วรรณคดีสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เริ่มตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๒๓๒๕-๒๓๔๙ โดยเริ่ม ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จนถึงสมัยพร ะ บาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
๔.๒ วรรณคดีสมัยรัตนโกสินทร์ปัจจุบัน (สมัยรับอิทธิพลตะวันตก) เริ่มตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๒๓๙๔-ปัจจุบัน โดยเริ่มตั้งแต่สมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงสมัยปัจจุบัน